วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557

งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่19


ร่วมรณรงค์ส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน เพื่อให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ และคิดอย่างสร้างสรรค์ได้ด้วยการอ่าน สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย จึงกำหนดจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 19  (Book Expo Thailand 2014) ในวันที่ 15 - 26 ตุลาคม 2557 ระหว่างเวลา 10.00 - 21.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 

มีหนังสือ "รู้ก่อนตอนนี้ ดีกว่ารู้งี้ตอนหลัง" จำหน่ายในราคาพิเศษ เหลือเพียง 208 บาท จากราคาปกติ 245 บาท

วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557

เนื้อหาบางส่วนจากในหนังสือ

ธเนศ ลีลาภรณ์


หนึ่งใน เนื้อหาดีๆๆจากหนังสือ "รู้ก่อนตอนนี้ ดีกว่ารู้งี้ตอนหลัง"

A: เฮ้ย…มาทายโจทย์เลขกันดีกว่า
B: ได้เลย จัดมา

A: 2+2
B: 4

A: 2-2
B: 0

A: อะไร+อะไร=4
B: 2+2,1+3

A: อะไร x อะไร=8
B: 2x4

A: ไมคิดเร็วจังฟระ
B: แหม..…กูคิดโจทย์เลขบ่อย ๆ มาตั้งแต่เด็ก

A:งั้นต่อไปเอาโจทย์ชีวิตดูบ้าง...
อะไร+อะไร=บ้าน
B: คอนกรีตกับใยเหล็กมั้ง

A: ผิดหวะ งั้นต่อไป...อะไร+อะไร=ความสุข
B: ไม่รู้เฟร้ย!!!

A: อะไร+อะไร=ความก้าวหน้าในชีวิต
B: -*-

A: อะไร+อะไร=อิสรภาพในชีวิต
B: ถามบ้าอะไร ไม่รู้เว้ย

A: อ่าว...ทำไมถึงไม่รู้อ่ะ
B: ก็เราไม่เคยคิดอ่ะ

A: โจทย์คณิตนายยังคิด แล้วทำไมโจทย์ชีวิตนายถึงไม่คิด

พวกเราเคยสงสัยหรือถามตัวเองไหมครับ...ว่าทำไมในโลกนี้ถึงมีคนประสบความสำเร็จและบรรลุความฝันของตัวเองได้น้อยมาก

สาเหตุเป็นเพราะ...
คนส่วนมากตั้ง"โจทย์ชีวิตผิด"

"โจทย์ชีวิตผิด" คืออะไร?
คือ คนส่วนมาเมื่อเรียนจบ คิดจะหารายได้
คนมักชอบ "ตั้งโจทย์" ถามตัวเองว่า "จะไปหางานอะไรดี"
ซึ่งคำตอบ ของคำถามนี้มักจะเป็น เช่น

งานที่เราเรียนมา
งานที่เราถนัด
งานที่คุ้นเคย
งานที่สบาย
งานที่อยากทำ
งานที่เรารัก
งานที่เขารับเรา(ที่แรกๆ)

โดยที่ก่อนทำงานอะไรก็ตาม
เราแทบไม่เคยคิดหรือถามตัวเองว่า
งานนั้นจะพาเราไปไหน?

พอเราทำไปซัก 3-5 ปี
เราอาจเริ่มรู้สึกไม่ตอบโจทย์(ความต้องการ)ในชีวิต
เรารู้สึกเบื่อ ไม่ชอบงานที่ทำ
เราก็มักจะถามตัวเองต่อว่า
แล้ว "เราจะไปทำงานที่ไหน งานอะไร ต่อดี?"

คำตอบก็อาจเป็นแนวเดิมๆ คือ

งานที่เราเรียนมา(เรียนต่อ โท เอก)
งานที่เราถนัด
งานที่คุ้นเคย
งานที่สบาย
งานที่อยากทำ
งานที่เรารัก
งานที่เขารับเรา(ที่ได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น)

สุดท้ายพอทำไปส่วนมาก ก็ยังไม่ตอบโจทย์ชีวิตอีก
ซึ่งหากมาลองพูดคุยถามความรู้สึกถึงเหตุผลหลักๆ
ที่ทำให้คนอยากเปลี่ยนงานน่าจะมีประมาณ 3 สิ่งนี้

1. เรื่องรายได้ ค่าตอบแทนไม่สามารถทำตามเป้าหมาย
หรือความฝันได้
2. มีปัญหากับคนในที่ทำงาน ไม่ชอบหัวหน้า ไม่ชอบเพื่อนร่วมงาน
3. วิถีชีวิตที่ขาดอิสระ ไม่ชอบเวลาในการทำงานและกฎข้อบังคับ

ดังนั้นเวลาคุณเบื่องาน แล้วย้ายที่ทำงาน ไม่ว่าจะย้ายไปที่ไหน
ปัญหาข้อใดข้อหนึ่งใน 3 ข้อนี้
ก็จะย้ายตามคุณไปด้วยแน่ๆในไม่ช้าก็เร็ว

สุดท้ายหากคุณยังอยู่ในงานเดิมๆ
คุณอาจไม่สามารถตอบ "โจทย์ชีวิต" คุณได้

ดังนั้น หากคุณตั้งโจทย์ผิด
คุณไม่มีทางได้ "คำตอบ" ที่ถูกต้องแน่นอน

วันนี้หากคุณอยากประสบความสำเร็จในชีวิต...มันต้องเริ่มจากคุณตั้งโจทย์ชีวิตให้ถูกก่อน

แล้ว "โจทย์ชีวิต" ที่ถูกคืออะไร?

"โจทย์ชีวิต" ที่ถูก คือเราต้องถามตัวเองว่า

อีก 3-5 ปี ข้างหน้า เราอยากจะมีชีวิตแบบไหน?

คุณเคยตั้งคำถามแบบนี้กับตัวเองบ้างมั้ย?
บางคนอาจคิดในใจ เลือกได้ด้วยเหรอ (*_*) ยิ่งน่าเศร้า

ลองถามตัวเองดูครับ อีก 3-5 ปี ข้างหน้า
เราอยากมีอนาคตเป็นแบบไหน?

อยากมีบ้านแบบไหน? ราคาเท่าไหร่?
อยากมีรถยี่ห้ออะไร? รถญี่ปุ่น? รถยุโรป ?
อยากพาคนที่เรารักไปเที่ยวที่ไหน ?
อยากใช้ชีวิตแบบไหน ?
อยากส่งลูกเรียนที่ไหน?
อยากมีเวลาอยู่กับครอบครัวขนาดไหน?

แล้วหลังจากได้คำตอบแล้ว?

นี้แหละคือคำว่าโจทย์ชีวิต ?

ถึงค่อยมาหาตัวแปรสำคัญของคำถามนี้คือ
"งานหรือธุรกิจ" อะไรให้ได้ "ตอบโจทย์ได้"

และถามตัวเองว่าสิ่งที่คุณทำอยู่ในปัจจุบัน
สามารถ ตอบ"โจทย์" ที่คุณต้องการได้หรือไม่

ถ้าคำตอบคือ “ใช่” ยินดีกับคุณด้วยจริงๆ
ขอให้คุณตั้งใจทำในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ อย่างสุดความสามารถเพราะคุณจะได้
ในสิ่งที่คุณต้องการในอนาคตอย่างแน่นอน
งานคุณ "ตอบโจทย์ได้"

แต่ถ้าคำตอบคือ “ ไม่ “ นั่นหมายความว่า
คุณกำลังใช้เครื่องมือที่ใช้สร้างอนาคตของคุณผิดนั่นเอง
คืองานไม่สามารถ"ตอบโจทย์ชีวิต"ได้

ดังนั้นคุณต้องถามตัวเองต่อว่า

แล้วงานอะไรที่สามารถ"ตอบโจทย์"ได้

แล้วลองใช้เวลาในการค้นหางานนั้นไปด้วย

โดยหลักในการพิจารณาดูง่ายๆว่า
มีใครไหม? ที่ทำงานนั้นแล้ว 3-5 ปี
เขาสามารถได้ ผลลัพธ์ เหมือนที่เราต้องการ
เพราะสิ่งๆนั้นเป็นเหมือน "ป้ายบอกทางที่ดี" ให้เรา
โดยที่เราไม่ต้องรอถึง 3-5 ปีแล้วค่อยได้คำตอบ

เมื่อค้นหาเจอให้เราทุ่มเทในงานๆนั้น
อย่างเต็มความสามารถและอย่างมืออาชีพ

สุดท้ายในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
คุณจะเป็นคนหนึ่งที่สามารถได้ผลลัพธ์
ที่สามารถ "ตอบโจทย์ชีวิต" ของคุณอย่างแน่นอน

ลองดูครับ ลองหยุดคิดซักแปบนึง
แล้วลอง "ตั้งโจทย์ชีวิต" ของคุณขึ้นมาดู

อยากบอกครับว่า
"ใช้ชีวิตไม่คิดอะไร ก็เหมือนรอรถไฟที่สนามบิน"

วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557

รีวิวหนังสือ "รู้ก่อนตอนนี้ ดีกว่ารู้งี้ตอนหลัง"

ธเนศ ลีลาภรณ์


วันแรกที่ผมทราบข่าวจาก ธเนศ ลีลาภรณ์ เพื่อนซึ่งเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมต้น ว่าเค้าจะออกหนังสือ ผมก็แอบรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย เพราะ ธเนศ หรือ ทอม จะกลายเป็นเพื่อนคนแรก ที่มีหนังสือวางแผงขายไปทั่วประเทศ (มีเพื่อนเป็นคนดังแล้วเรา)

ผมได้หนังสือ รู้ก่อนตอนนี้ ดีกว่ารู้งี้ตอนหลัง มาตั้งแต่วันแรกที่วางแผง (4 มีนาคม 2557) ผมใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง ในการอ่านอย่างช้าๆ เพื่อพยายามทำความเข้าใจ ในสิ่งที่ ธเนศ พยายามสื่อถึงผู้อ่าน

เชื่อมั๊ยครับว่า เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ มันเหมือนเราได้นั่งไทม์แมชชีน พาเราไปดูอนาคตของตัวเราเอง เรียกได้ว่าไม่ต้องพึ่งไสยศาสตร์ หรือหมอดู เพื่อทำนายอนาคตเลย

เนื้อหาในหนังสือ จะแบ่งเป็น 2 Part ในช่วงแรก ทอมจะเล่าถึงตัวเค้าเองในอดีต ที่ไม่ได้เป็นคนโดดเด่น ไม่ได้เป็นคนมีความสามารถอะไร จนมาถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต ที่ทำให้เกิดวิสัยทัศน์ ในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ซึ่งใน Part1 นี้ ผมชอบเรื่อง โจทย์ชีวิต ที่สุด ทอมได้นำเสนอมุมมอง ของการใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่ ได้อย่างเห็นภาพ มีการเปรียบเทียบว่าชีวิตของเราก็เหมือน การขึ้นรถประจำทาง ที่เราต้องเลือก "เป้าหมาย" ก่อน แล้วเราจึงค่อยเลือก "พาหนะ" ที่พาให้เราไปถึงเป้าหมายนั้น

ใน Part2 เราจะได้รู้ว่า งานที่เราทำอยู่ ให้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับความสามารถ หรือศักยภาพ ที่เรามีหรือไม่ โดยเปรียบเทียบให้เห็นระหว่างคนที่ รับรายได้ตามเวลา กับคนที่ รับรายได้ตามผลงาน

และใน Part2 นี้ ทอมจะนำเสนอวิธีคิด ที่ทำให้ทอมประสบความสำเร็จ ซึ่งเราจะได้รู้ว่า คนที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมาก่อน พูดไม่เก่ง เรียนไม่เก่ง เค้ามีวิธีคิดแบบไหน เค้าทำยังไง ถึงประสบความสำเร็จได้

โดยรวม หนังสือเล่มนี้ ไม่ได้เป็นหนังสืออัตชีวประวัติของ ธเนศ ลีลาภรณ์ แต่นี่คือเส้นทาง ของมนุษย์เงินล้าน ทอมจะพาคุณนั่งไทม์แมชชีน ไปดูอนาคตของคุณเอง และเมื่อคุณได้อ่านจนจบ คุณอาจจะพบทางออก ที่คุณไม่เคยหามันเจอมาตลอดชีวิต แบบผมก็ได้

สิ่งที่ได้รับจากการอ่านหนังสือเล่มนี้
  • เข้าใจเรื่องความฝัน และการตั้งเป้าหมายให้ชีวิต
  • เลือกเครื่องมือ ในการทำตามฝัน ได้อย่างถูกต้อง ไม่หลงทาง
  • วิธีคิด ที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิต
ผมว่าข้อมูลในหนังสือเล่มนี้ ถ้าคุณอ่านอย่างตั้งใจ มันสามารถที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณได้จริงๆนะ อยู่ที่คุณว่าจะนำไปใช้ มากน้อยแค่ไหน

เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้มาชักชวนให้คุณเข้าร่วมธุรกิจของทอม แต่จะเปิดมุมมอง และเพิ่มแนวคิด จากประสบการณ์ที่ทอมเองได้พบได้เจอมา เหมือนคำพูดที่ว่า

" คนเก่งจะเรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเอง แต่คนฉลาดจะเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น "



ยอดขายวันแรกที่วางแผงจาก SE-ED ทั่วประเทศ อยู่อันดับ 2
เป็นรองแค่ หนังสือของท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นะครับ


ซีเอ็ด